ช่วงไม่กี่ปีก่อนโควิดจะแพร่ระบาดไปทั่วโลก ไอเดียการออกแบบบ้านและห้องต่างๆ จะเกิดขึ้นจากความต้องการสิ่งที่แตกต่างจากที่เป็นอยู่ ห้องที่เคยทาสีฉูดฉาดก็เปลี่ยนมาคุมโทนสีเทาหม่น วางเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นเท่าที่จำเป็น ตามวิถีมินิมัล (minimalism)
เมื่อโควิด-19 ระบาดไปทั่วโลกเมื่อปีที่แล้ว ได้เปลี่ยนชีวิตของผู้คนทั่วทุกหัวระแหง ให้ต้องใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับบ้านมาร่วมปี หลายคนเริ่มกลับมาเติมสีสันให้ชีวิตด้วยการเพิ่มลวดลายบนผนังห้อง หรือตกแต่งดอกไม้เข้าไปเพิ่มชีวิตชีวาให้กับบ้านมากขึ้น
และในปี 2021 นี้ แนวคิดการตกแต่งบ้านกำลังจะเปลี่ยนไปอีกครั้ง จากความสัมพันธ์ของผู้คนกับบ้านและคอนโด ที่เปลี่ยนไปในสายตาของผู้อยู่อาศัย พูดง่ายๆว่าคนเราใช้บ้านเป็นโรงเรียน ที่ทำงาน ฟิตเนส ห้างสรรพสินค้า (แบบออนไลน์) และพื้นที่จัดงานเลี้ยงพบปะผู้คน (ทางออนไลน์) แบบตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวัน ช่วงตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา
วันนี้ kaidee property ขอเชิญชวนผู้อ่านทุกคนมาดูเทรนด์การออกแบบบ้านที่เปลี่ยนไปเพราะสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน หากใครอ่านจบแล้ว ก็สามารถนำไปเป็นไอเดียการออกแบบบ้านใหม่ หรือรีโนเวทบ้านหลังเดิมของคุณได้ทันที
แต่ก่อนอื่นเลย ต้องบอกสักนิดว่าเทรนด์เหล่านี้ล้วนมาจากต่างประเทศแทบทั้งสิ้น หากจะนำมาปรับใช้กับที่อยู่อาศัยในประเทศไทย อาจจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนสักเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไร ก็ถือเป็นแนวทางเริ่มต้นในการออกแบบบ้านที่ดีไม่น้อยเลย
เรื่องแรกที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของพื้นที่ภายในบ้าน เพราะอย่างที่กล่าวไป ผู้คนต้องหันมาใช้ชีวิตภายในบ้านมากขึ้น ซึ่งหมายความว่า 1 ห้องภายในบ้านจะต้องทำหน้าที่มากกว่า 1 อย่าง
ห้องนั่งเล่นอาจกลายเป็นห้องรับแขก และห้องทำงานในเวลากลางวัน หรือฟิตเนสในตอนเย็น ก่อนที่จะกลายเป็นศูนย์รวมความบันเทิงครบวงจรในตอนกลางคืน
นั่นหมายความว่า พื้นที่ภายในห้องเหล่านี้จะต้องกว้างขวาง อีกทั้งมีความยืดหยุ่น และสามารถปรับเปลี่ยนไปตามความต้องการของผู้ใช้งาน หรืออาจถึงขั้นเพิ่มลดขนาดของห้องได้อย่างอิสระเลยทีเดียว ฉากกั้นห้องอาจตอบโจทย์ในเรื่องนี้ได้พอตัว
แต่หากจะนึกถึงงานออกแบบที่ฉีกกรอบเรื่องของการเพิ่มลดขนาดห้องได้อย่างอิสระ Wood Bagot ถือเป็นตัวอย่างในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ด้วยดีไซน์เรียบง่าย แต่แฝงด้วยฟังก์ชันสุดล้ำคือคุณสามารถเลื่อนกำแพงไปมาเพื่อปรับขนาดของแต่ละห้องได้ตามใจชอบ
นอกจากจะเพิ่มประโยชน์ใช้สอยให้พื้นที่ภายในบ้านเพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังเป็นการประหยัดการใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์เชื่อมต่อของแต่ละห้องอีกด้วย
แน่นอนว่าสถานการณ์ปัจจุบันบีบคั้นให้หลายบริษัทต้องเริ่มนำนโยบายการ Work From Home มาใช้อย่างเร่งด่วน ซึ่งหากยังจำกันได้ เราจะเคยได้ยินเสียงโอดครวญจากบรรดาพนักงานในช่วงแรกของการทำงานที่บ้าน เพราะไม่ใช่ทุกคนที่สภาพแวดล้อมของบ้านจะเหมาะสมต่อการทำงาน อีกทั้งการทำงานที่โต๊ะกินข้าวตลอดทั้งวันก็ไม่ใช่อะไรที่เจริญหูเจริญตา
ด้วยเหตุนี้ บ้านจึงต้องถูกออกแบบให้สอดรับกับการทำงานแบบ Remote (ทางไกล) มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่า Remote Working จะกลายเป็นมาตรฐานของการทำงานในอนาคต เราจะเห็นดีไซน์การออกแบบบ้านห้องทำงานที่ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น สามารถใช้สอยประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
อัมฮัด ฟรีแมน ผู้ก่อตั้งบริษัทรับออกแบบภายในในแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี บอกว่า คนเราเริ่มเลือกซื้อหรือเก็บสิ่งของที่ทำให้รู้สึกมีความสุขเอาไว้ในบ้าน แทนที่จะหุนหันรีบแต่งบ้านในทันที พวกเขาใช้เวลาในการเลือกซื้อของที่สวยงามและทำจากวัสดุที่ดีเยี่ยม และใช้เวลามากขึ้นกับการสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบบ้านและเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น เพราะพวกเขาอยากที่จะซึมซับความสุขจากทุกสิ่งรอบตัวพวกเขานั่นเอง