คงไม่ใช่เรื่องแปลกหากสภาพบ้านที่ผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนาน จะมีสีซีดหรือจืดจางลงไปบ้าง ร้ายแรงสุดอาจจะมีแผ่นสีที่ร่อนออกจากตัวผนังบ้านมาให้เห็นอยู่บ้างประปราย ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนแล้วว่า ถึงเวลาที่ต้องซ่อมแซมลงสีใหม่ให้กลับมาสดใสดูใหม่อีกครั้ง

ที่มารูปภาพ : https://pixabay.com/th/photos/จิตรกรทาสีบ้านในร่ม-2247395/

          ซึ่งการซ่อมแซมสีผนังบ้านนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ได้ถึงกับง่ายเสียทีเดียว ด้วยเพราะการซ่อมสีผนังจำเป็นต้องมีข้อควรระมัดระวังและไม่ควรทำ อาทิเช่น  
          1. ใช้ลูกกลิ้ง 
จริงอยู่ว่าการทาสีผนังใหม่จำเป็นต้องใช้ลูกกลิ้งเป็นตัวช่วยในการเกลี่ยสี แต่การใช้ลูกกลิ้งไปจนถึงจุดเชื่อมต่อผนังและเพดานคือข้อควรระวังมากที่สุด เพราะลูกกลิ้งอาจไปสัมผัสกับเพดานทำให้สีติดได้ ควรเปลี่ยนมาใช้แปรงแทนหรือหาเทปกาวติดกันเลอะจะดีกว่า 
          2. ทาสีย้ำ 
หลายคนอาจเข้าใจว่า การทาสีย้ำ  จะช่วยทำให้สีชัดเจนและติดมากยิ่งขึ้นแต่ไม่ใช่เลย การทาสีแบบย้ำจะยิ่งทำให้เนื้อสีไม่เรียบ ควรทาเพียงรอบเดียวหรือหากต้องการทาซ้ำควรรอให้สีรอบแรกแห้งก่อน 
          3. ลืมลอกสีเคลือบ 
ห้ามลงสีใหม่โดยไม่ลอกสีเคลือบเดิมออกอย่างเด็ดขาด ควรทำการขูดหรือขัดด้วยกระดาษทรายเสียก่อน เพราะหากลงสีใหม่โดยทันที สีจะลอกออกเป็นแผ่น  ทำให้ต้องกลับมาซ่อมใหม่กันอีกรอบนั่นเอง 
          4. จุ่มสีทั้งแปรง 
การนำแปรงลงไปจุ่มสีทั้งอันคือการสร้างความลำบากในการทาสีเป็นอย่างมาก ควรใช้เพียงปลายแปรงในการจุ่มสีเท่านั้น มิเช่นนั้นจะทำให้สีเลอะไปยังบริเวณรอบข้างได้และที่สำคัญเป็นการใช้สีโดยสิ้นเปลือง 
          5. ไม่ผสมทินเนอร์ 
สำหรับผนังหรือเฟอร์นิเจอร์ประเภทไม้ ต้องห้ามลืมผสมทินเนอร์เป็นอันขาด เพราะตัวทินเนอร์จะช่วยลดความหนืดของสี ซ้ำยังช่วยให้ทาสีง่ายและเรียบเนียนขึ้นอีกด้วย
 
          จริงอยู่ที่ว่าการซ่อมสีผนังบ้านหรือการทาสีใหม่นั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่มีข้อห้ามหรือข้อจำกัดหลายประการ ซึ่งก็ถือว่าเป็นคำแนะนำที่ดี เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง ทำให้ไม่ต้องกลับมาทาสีซ้ำ  ให้เสียเวลาและงบประมาณ